Time in the heart หยุดเวลาใจไว้รักเธอ - Time in the heart หยุดเวลาใจไว้รักเธอ นิยาย Time in the heart หยุดเวลาใจไว้รักเธอ : Dek-D.com - Writer

    Time in the heart หยุดเวลาใจไว้รักเธอ

    อาจเป็นเพราะสายลมฤดูร้อนที่พัดพาเขามาสู่หัวใจของฉัน และเมื่อรักเธอแล้วฉันก็ไม่อาจเปลี่ยนใจไปจากเธอได้เลย

    ผู้เข้าชมรวม

    103

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    103

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 เม.ย. 55 / 22:54 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ปิอเทอมฤดูร้อน ใกล้เข้ามาทุกที่แล้ว แต่ฉัน ไอริสะ นักเรียนม.ปลายคนนี้กลับไม่มีแพลนไปเที่ยวไหนเลยแถมฉันก็เป็นคนประเภทที่ไม่มีคนคบด้วยสิ อาจเป็นเพราะว่าฉันไม่ค่อยชอบจะสุงสิงกับใครล่ะมั้ง ทุกคนเลยไม่อยากจะเข้าหาฉันซักเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ไม่ชอบคุยกับใครหรอกนะ เพราะนาย ยูโตะ เพื่อนร่วมห้องที่ฉันไม่เคยคุยกับเขาเลยตั่งแต่อยู่ห้องเดียวกันมาจนตอนนี้จะจบม.6อยู่แล้วก็เป็นพวกโลกส่วนตัวสูงซะเหมือนกัน แต่วันหนึงเมื่อฉันได้บังเอิญคุยกับเขาแล้วก็เกิดเรื่องนิดหน่อยที่ทำให้ยูโตะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยฉัน หลังจากเหตุการณ์วันนั้นฉันก็มักจะแอบมองเขาตลอดเวลาเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจฉันกันแน่ มิคิซาวะ ยูโตะ นายทำอะไรกับหัวใจของฉันกันนะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


       

      ในสวนสาธารณะ
      ฉันนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึงในสวนสาธารนะใกล้บ้าน ฤดูร้อนใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสินะ ฉันยันตัวลุกขึ้นยืน ในมือถือหนังสือเล่มหนาที่อ่านเป็นประจำ หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเพื่อนของฉันคนหนึงเลยล่ะ

      “กลับมาแล้วนะคะ”เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉันก็พบกับแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว

      “อ้าวกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ”แม่ที่เห็นฉันเดินเข้ามาหันมายิ้มให้ฉัน

      “หอมจังเลย วันนี้มีนาเบะด้วย”ฉันชะโงกมองหม้อไฟที่แม่กำลังเตรียมอยู่

      “ใช่จ่ะ เดี๋ยวริสะช่วยแม่จัดโต๊ะด้วยนะ”

      “ค่ะ” ฉันรับคำแล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์มาจัดโต๊ะอาหาร

      “เอ้อ จริงสิพ่อเขาบอกว่าวันมะรืนนี้จะมีฝนดาวตกด้วยนะ”คำพูดของแม่ทำให้ฉันหันไปฟังด้วยความสนใจ “แม่ว่านะ ถ้าเราขึ้นไปยืนบนที่สูงๆอย่างภูเขา เราคงจะเห็นดาวตกแบบชัดๆแน่ๆเลยนะลูก” แม่พูดแล้วยิ้มให้ฉัน

      “นั้นสินะคะ”ฉันยิ้มตอบแม่แล้วหันกลับมาจัดโต๊ะต่อ นั้นสินะถ้าเราขึ้นไปยืนที่ยอดเขา คงต้องเห็นดาวตกเยอะแยะแน่เลย แล้วที่นั้นก็คงจะเหมาะมากแน่ๆ
       ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น

      “หนูไปแล้วนะคะ พ่อแม่”

      “โชคดีนะลูก”เสียงแม่อวยพรฉันไล่ตามหลังมาด้วย ฉันเดินเรื่อยๆไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน
      ฉันชื่อว่า มิโดริคาวา ไอริสะ เป็นเด็กนักเรียนม.ปลายที่อาศัยอยู่ในชนบทแห่งหนึง ที่จริงฉันย้ายมาจากเมืองโตเกียว เพราะพ่อของฉันต้องมาทำการวิจัยดาราศาสตร์ที่นี่ ฉันกับแม่เลยต้องย้ายตามมาด้วย ถ้าถามฉันว่าเสียใจไหมที่ต้องจากกับเพื่อนที่โตเกียว ขอตอบว่าไม่เลยเพราะว่าฉันไม่มีเพื่อนที่นั้นเลยสักคนไม่มีใครอยากจะคุยกันฉันหรอก คงเป็นเพราะว่าหน้าตาปกติของฉันอาจจะดูไม่รับแขกซะเท่าไหร่บวกกับที่ฉันมีโลกส่วนตัวแล้วก็คุยไม่เก่งก็ได้ ที่ทำให้ฉันไม่น่าคบหาด้วย และฉันก็ขี้เกียจอธิบายว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ก็เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ฉันก็ชินกับการไม่มีเพื่อนแล้วล่ะนะ ซึ่งย้ายมาที่นี้ฉันก็ยังคงไม่มีเพื่อนอีกเหมือนเดิม

      เมื่อมาถึงห้องเรียนฉันก็เดินไปนั่งที่ประจำที่อยู่หลังสุดติดกับหน้าต่าง มันเป็นวิวที่ฉันชอบมากเลย ทุกย่างก้าวของฉันดูเหมือนไร้ซึ่งตัวตนสำหรับเพื่อนทุกคน ไม่มีเสียงทักทายใดๆทั้งสิ้น
      ฉันนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ที่นั้นเป็นที่ๆฉันมักจะไปเวลามีเรื่องให้ต้องคิดเงียบๆคนเดียว มันสงบแล้วก็เป็นส่วนตัวมากเลย

      ฟึบ!
      เสียงของใครคนหนึงทิ้งตัวฟุบลงกับโต๊ะด้านหน้าฉัน เมื่อหันไปมองก็พบกับ
      มิคิซาวะ ยูโตะ เพื่อนชายร่วมห้องที่ ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เข้าก็เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยมีใครคบเหมือนฉัน จะว่าไปเขาก็นิสัยคล้ายฉันเหมือนกันนะ แต่ถึงอย่างนั้นฉันกับเขาก็ไม่คิดจะคุยกันอยู่แล้ว

      วิชาแรกเริ่มขึ้นอย่างหน้าเบื่อ เสียงของอาจารย์ที่กำลังพูดอยู่หน้าชั้นเรียน เป็นเหมือนยานอนหลับสำหรับฉันเลยล่ะ  ฉันนั่งเอามือเท้าคางมองไปหน้ากระดานอย่างเบื่อหน่าย แค่มองเฉยๆแต่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกนะ นายยูโตะที่นั่งข้างหน้าฉันก็ฟุบหลับแบบไม่เกลงใจใคร ขนาดเขายังนอนได้เลย งั้นฉันนอนบ้างดีกว่า เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันมอบลงกับโต๊ะแล้วตั่งใจจะหลับสักงีบ แต่ก็ต้องสะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ลอยมาประทะหัวฉันอย่างแรง เมื่อมองว่าเป็นชอกล์เขียนกระดาน ฉันเลยหันไปทางอาจารณ์ที่ทำหน้าโมโหอยู่ ก่อนที่อาจารย์จะหันไปปาชอกล์อย่างแม่นยำไปโดนหัวของนายยูโตะที่หลับไม่รู้เรื่องจนตื่นขึ้นมาด้วยหน้าตางัวเงีย

      “คุณมิคิซาวะ กับคุณมิโดริคาวา พวกคุณสองคนไปยืนถือถังน้ำหน้าห้องเดี๋ยวนี้โทษฐานที่หลับในห้องเรียน” เสียงอาจารณ์ประกาศกร้าว เพื่อนทุกคนในห้องหันมามองฉันกับยูโตะแบบขำๆ
      แต่สำหรับฉันมันไม่ขำเลยซักนิด ฉันคิดแค่นั้นก่อนจะเดินถือถังน้ำออกไปหน้าห้องอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเติมน้ำจนเต็มแล้ว ฉันก็เดินมาหยุดหน้าห้องเรียน แล้วยืนอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่ยูโตะจะเดินมายืนห่างจากฉันไปประมาณเมตรครึ่ง ฉันหันกลับมาแล้วไม่สนใจเขาอีก

      ความหนักของน้ำที่แบกทำให้ปวดแขนหนึบๆอย่างหน้ารำคาญ หลังเลิกเรียนฉันเดินนวดแขนตัวเองแล้วมุ่งหน้าไปที่ภูเขาที่ฉันไปเป็นประจำ ภูเขานี้ไม่สูงมากนักแถมยังมีทางเดินเล็กๆให้เดินสะดวกอีกต่างหาก แต่เมื่อฉันเดินขึ้นมาถึงก็พบว่าที่นี่ไม่ได้มีฉันแค่คนเดียว แต่ฉันพบ ยูโตะที่กำลังยืนมองวิวด้านล่างอยู่แล้วเขาก็หันมาหาฉันด้วยสายตานิ่งๆ

      “เฮ้อ! ฉันคิดว่าที่นี่จะเป็นส่วนตัวมากซะอีก”เขาถอนหายใจแล้วหันกลับไปดูวิวด่านล่างต่อ

      “เมื่อก่อนฉันก็คิดอย่างนั้น หลังจากเจอนายที่นี่อ่ะนะ”ฉันตอบเขาไปนิ่งๆเหมือนกัน

      “อะไร เธอก็รู้จักที่นี่ด้วยเหรอ”เขาหันมาถามฉัน

      “ฉันรู้จักที่นี่เมื่อกลางเดือนที่แล้ว”ฉันตอบเขาก่อนจะถามต่อ “แล้วนายล่ะ”

      “ฉันก็รู้จักเมื่อกลางเดือนที่แล้วเหมือนกัน”เขาตอบโดยไม่ได้หันมามองหน้าฉัน

      “เธอมาทุกวันเลยเหรอ”เขาถาม

      “ไม่หรอก เวลาฉันเบื่อๆแล้วก็มีเรื่องที่ต้องคิดฉันถึงจะมาน่ะ”ฉันตอบแค่นั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงอีกครั้ง เฮ้อ! คนที่พูดไม่เก่งสองคนมาเจอกันมันก็เลยต้องจบลงด้วยความเงียบเสมอเลยเหรอไง
      เวลาผ่านไปซักพักก่อนที่ฉันจะตัดสินใจเดินกลับไปข้างล่างเพราะคิดว่าถ้าขืนยูโตะอยู่ที่นี่มันก็จะไม่เป็นส่วนตัวสำหรับฉันอยู่ดี จะอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก

      “อ๊ะ!”ฉันตัวแข็งทื่อเมื่อพบงูตัวหนึงเลื่อยผ่านหน้าฉันอย่างช้าๆ ฉันกลัวมันมากจนตัวสั่นอยู่อย่างนั้นและเมื่องูตัวนั้นเลื่อยผ่านไปแล้ว ฉันก็ทรุดฮวบลงมานั่งหัวเข่ากระแทกกับหินจนเป็นแผล ฉันหอบหายใจถี่ด้วยความตื่นตระหนกน้ำตาคลอไปด้วยความกลัว

      “นี่เธอเป็นอะไรไปเนี่ย”ยูโตะที่เดินมาตั่งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ช่วยพยุงฉันขึ้นมาแต่แผลตรงหัวเข่าก็ทำให้ฉันหน้านิ่วด้วยความเจ็บ

      “ฉัน จะ เจอ เจองู”ฉันพูดด้วยเสียงที่ยังสั่นไม่หาย

      “งูเหรอ แล้วมันกัดเธอรึเปล่า”

      “ไม่ ฉันไม่เป็นไรหรอก”ฉันพูดแล้วพยายามยืนขึ้นแต่ก็ต้องกุมแผลเอาไว้ ฉันก้มมองหัวเข่าที่เลือดซึมออกมา
      ฟึบ!
      ฉันมองยูโตะที่ย่อเข่าแล้วหันหลังให้ฉันอย่างงงๆ

      “ทำอะไรของนาย”ฉันถาม

      “ขี่หลังฉัน”เขาตอบด้วยเสียงนิ่งๆ

      “นี่นายไม่ต้อง..”ฉันกำลังจะแย้งแต่เขาก็พูดสวนขึ้นมาซะก่อน

      “เร็วๆ ดิ ฉันเมื่อยแล้วนะ”เขาพูดปนน้ำเสียงรำคาญนิดหน่อย ฉันถอนหายใจและกลอกตาไปมาก่อนจะขึ้นขี่หลังเขา

      เขาแบกฉันลงภูเขามาและเดินไปตามทาง ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วด้วย หลังของเขาทั้งกว้างแล้วก็อบอุ่นด้วยแหะ ทำไมนะฉันถึงได้รู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่บนหลังเขาด้วย แปลกชะมัดเลย ฉันสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนอ่อนโยนกว่าภายนอกที่ดูเหมือนไม่สนใจใครเลย

      “นายส่งฉันแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”ฉันบอกยูโตะเมื่อเขาพาฉันมาตรงทางเข้าบ้าน

      “อืม”เข้ารับคำก่อนจะวางฉันลง “งั้นฉันไปล่ะ”พูดจบเขาก็เดินกลับไปทางเดิม ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาไปจนลับตา ก่อนจะเข้าบ้านไป อะไรกันไอ้ความรู้สึกมีความสุขแบบนี้เนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของฉันกันนะ

      เช้าของวันต่อมา ฉันเดินขึ้นห้องเรียนมาอย่างอารมณ์ดี แต่สิ่งที่ฉันเจอกับทำให้ฉันอึ้งและตกใจปนกัน ภาพการ์ตูนที่วาดเลียแบบฉันกับยูโตะ ฉันกำลังขี่หลังยูโตะหน้าตายิ้มแย้มมาก และข้อความที่เขียนอยู่ข้างๆรูปนั้น คือ ‘ยัยหน้าบอกบุญไม่รับกับไอ้บ้าโลกส่วนตัว แอบคบกัน’ ฉันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนยูโตะที่เดินเข้ามาที่หลังเห็นรูปนั้นเขาวิ่งเข้าไปผลักเพื่อนคนที่วาดรูปออกแล้วเอาแปลงลบกระดานมาลบรูปและข้อความออก ฉันที่ได้สติก็วิ่งเข้าไปช่วยเขาลบด้วย
      ในขณะที่ยูโตะกำลังลบรูปออกฉันก็แอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา เขาดูหงุดหงิดมากทำให้ฉันรู้สึกผิดลึกๆในใจที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิด

      ในคาบเรียน ฉันนั่งมองแผ่นหลังของยูโตะที่อยู่ด้านหน้าของฉัน ทำให้ฉันหวนคิดถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาอีก

      “ยูโตะ ไม่ลงไปพักเหรอ”เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน  คาซึกิ เพื่อนร่วมห้องที่ฉันไม่เคยได้พูดคุยก็เข้ามาคุยกับยูโตะ

      “ไม่หรอกฉันไม่ชอบอ่ะมันเสียงดัง”เขาตอบ ฉันที่ตอนนี้เฝ้ามองทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอ คนที่ยูโตะจะคุยด้วยอย่างถูกคอนี้คงไม่ได้หากันง่ายๆเลยมั้งเขาคงจะถูกชะตากับคาซึกิมากเลย
      ทำไมหัวใจของฉันถึงได้รู้สึกเหมือนถูกบีบอย่างนี้ล่ะ มันเจ็บปวดเหลือเกินเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาจุกอยู่ที่คอจนหายใจไม่ออก ทำไมฉันถึงต้องเป็นอย่างนี้ด้วย

      “กลับมาแล้วค่ะ”ฉันกลับมาบ้านด้วยความปวดใจแปลกๆ

      “เป็นอะไรเหรอริสะ หน้าตาไม่ค่อยดีเลยนะ”เมื่อแม่เห็นฉัน แม่ก็เดินเข้ามาจับหน้าผากฉันเหมือนจะดูว่าฉันไม่สบายรึเปล่า

      “ริสะไม่เป็นอะไรหรอกค่ะแม่”

      “แน่นะลูก”แม่ยังทำหน้าเป็นห่วงฉันอยู่อย่างนั้น ทำให้น้ำตาที่ฉันกลั้นไว้มาตั่งนานก็ค่อยๆไหลลงมาอาบแก้มของฉันช้าๆ เมื่อแม่เห็นน้ำตาของฉัน ท่านก็ดึงฉันเข้าไปกอดทันทีแล้วลูบหลังปลอบฉันสัมผัสของแม่ทำให้ฉันยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

      “ฮึก  หนูควรจะทำยังไงดีคะแม่ ทำไมเขาต้องเข้ามาในหัวใจของหนูด้วย”ฉันร้องไห้และกอดแม่แน่น

      “ไม่ต้องทำอะไรหรอกลูก แค่ปล่อยตามเสียงของหัวใจของลูกก็พอ”ฉันพละจากอ้อมกอดของแม่แล้วมองหน้าท่าน

      “หมายความว่ายังไงเหรอคะ”

      “ก็หมายความอย่างที่แม่พูดไปน่ะลูก หัวใจลูกบอกว่ายังไงลูกก็ทำตามมัน ถึงผลจะออกมาเป็นยังไง แต่เราก็ควรจะเสี่ยงไม่ใช่เหรอ”ฉันมองหน้าแม่ “คืนนี้มีฝนดาวตกแม่อนุญาตให้ลูกออกไปข้างนอกตอนกลางคืนได้นะ ไปหาที่สูงๆแล้วมองดูดาวตกให้สบายใจนะลูก

      ตอนนี้เป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าแล้วฉันเดินขึ้นภูเขาลูกเดิม ที่ๆฉันกับเขาได้คุยกันครั้งแรก ฉันยืนมองท้องฟ้าที่มืดสนิท ท้องฟ้าเปิดโล่ง และฝนดาวตกก็ปรากฎฉันมองมัน มันสวยงามมากจริงๆ

      “เธอไม่คิดจะอธิฐานหน่อยเหรอ”เสียงของใครบางคนที่ดังจากด้านหลังทำให้ฉันไปมอง
      ยูโตะ เขามาที่นี่

      “ไม่รู้สิ จะขอไปเพื่ออะไร”

      “งั้นก็ช่างเธอเถอะ ส่วนฉันจะขอ”เขาพูดแล้วก็หลับตาอธิฐานกับดาวตก ฉันลอบมองใบหน้าของเขาที่กำลังหลับตา ฉันอยากจะบอกนายจังว่าฉันชอบนายที่สุดเลย เมื่อยูโตะลืมตาฉันก็รีบหลบสายตากลับไปมองท้องฟ้าเหมือนเดิมทันที

      “ดาวตกหมดแล้วอธิฐานเสร็จแล้วด้วย งั้นฉันไปแล้วนะ”เขาหันมาพูดด้วยใบหน้านิ่งๆก่อนจะหันหลังเดินกลับไป “ระวังเจองูล่ะ”เขาหันมาพูดกับฉันก่อนจะเดินลงเขาไป ฉันมองตามหลังของเขาด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ  และหันกลับมามองท้องฟ้าที่ตอนนี้กลับมามืดสนิทเหมือนเดิม ฉันมองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะเห็นดาวตกอีกดวงที่พุ่งผ่านม่านฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ฉันยิ้มแล้วหลับตาอธิฐาน  ขอให้ฉันรักนายอย่างนี้ตลอดไปนะยูโตะ ค่ำคืนที่แสนหนาวเหน็บถ้ามีนายอยู่ข้างๆฉันคงจะอบอุ่นหัวใจมากแน่ๆ ฉันเชื่อว่าอย่างนั้นนะ

      พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะเป็นวันปิดเทอมฤดูร้อน และก็จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้เจอเข้าอีก ที่กระดานดำหน้าห้องมีใบประกาศวันงานเทศกาลดอกไม้ไฟติดอยู่ ฉันอ่านใบปลิวนั้นแล้วเดินกลับมาที่นั่งของตัวเอง และก็อย่างเคยฉันก็ได้แค่มองแผ่นหลังของยูโตะเท่านั้น

      ปิดเทอมฤดูร้อนแล้ววันนี้ร้อนมาก ตอนเที่ยงฉันออกไปซื้อไอศครีมมากินแก้ร้อน เมื่อออกมานอกร้าน ฉันก็เจอยูโตะกับคาซึกิ พวกเขาคงจะมาด้วยกันสินะ

      “เอ่อ สวัสดีจ่ะ ไอริสะ”คาซึกิทักฉัน ซึ่งฉันก็ตกใจนิดหน่อยตามประสาคนที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนแต่ฉันก็ทักเธอตอบ

      “อืม สวัสดี”คาซึกิ ยิ้มตอบก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน เหลือแต่ฉันกับยูโตะแค่สองคน ฉันก้มหน้ามองไอศครีมไม่กล้าสบตายูโตะตรงๆ เพราะว่ากลัวน้ำตาจะไหลออกมาให้เขาเห็น
      พรึ่บ!
      ใบปลิวงานเทศกาลดอกไม้ไฟถูกยูโตะยื่นมาตรงหน้าฉัน ฉันยื่นมือไปหยิบแล้วแล้วก็เงยหน้มองเขา

      “ไปสิ”เขาพูดหน้านิ่ง

      “อืม”ฉันอมยิ้มเล็กๆส่งให้เขานิดหน่อยแล้วมองหน้าเขา ฉันดีใจมากๆเลย  แล้วคาซึกิก็ออกมาจากร้านทำให้ฉันรีบส่งใบปลิวคืนไปให้ยูโตะแล้วรีบเดินเลี่ยงออกมาทันที ฉันเดินมาตามทางเรื่อยเปื่อยแล้วหันกลับไปมองข้างหลัง ยูโตะกลับคาซึกิกำลังหยอกล้อกัน หน้าตาเขาดูมีความสุขจังเลยนะ

      ในวันงานเทศกาลดอกไม้ไฟฉันสวมชุดยูกาตะออกมาเดินเที่ยวงาน ทุกคนดูมีความสุขกับงานมาก ที่จริงฉันไม่ค่อยได้ออกมางานเทศกาลบ่อยนักหรอก แต่แค่เพราะว่ายูโตะชวนฉันมาเท่านั้นล่ะฉันก็ออกมาอย่างง่ายดาย นี่ฉันรักเขาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ ทำไมฉันต้องร้องไห้อีกแล้วนะแค่นึกถึงหน้าของเขาก็ดูเหมือนฉันจะควบคุมน้ำตาไว้ไม่ได้เลย ฉันยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วเดินไปเรื่อยๆ ถึงเวลาที่จะถึงการแสดงดอกไม้ไฟแล้ว ฉันเดินไปที่ลานที่ใช้จุดดอกไม้ไฟผู้คนต่างพามายืนจับจองที่เพื่อดูดอกไม้ไฟกัน

      “นี่”ฉันหันไปตามเสียง แล้วก็พบกับยูโตะ ฉันตกใจนิดหน่อย

      “นายก็มาเหรอ”ฉันถามเขา

      “อืม เธอมาคนเดียวรึไง”

      “อืม ใช่ แล้วนายล่ะ”

      “มากับคาซึกิน่ะ ตอนนี้ไปซื้อน้ำ”เขาตอบ

      “อ๋อ เหรอ”ฉันพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะน้ำตามันจะไหลออกมาอีกแล้วน่ะสิ แถมตอนนี้ก็มีก้อนอะไรไม่รู้มาจุกอยู่ที่คออีกต่างหากทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกอีกเลย

      หวี้ดดดด!!!! ปิ้วววว!!!!
      ดอกไม้ไฟเริ่มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าดอกแล้วดอกเล่า จนทำให้ท้องฟ้ากระพริบแสงจ้าตามดอกไม้ไฟที่แตกออก ฉันละสายตาจากท้องฟ้าแล้วหันไปมองเสี่ยวหน้าด้านข้างของยูโตะ หน้าเขาที่ตอนนี้ตกอยู่ในภวังค์ ดูน่าหลงไหลมาก ทำยังไงดีฉันยิ่งรักเขาเข้าไปอีกจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว สงสัยพรจากดาวตกคงจะเป็นจริงสินะ ฉันอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้จริงๆเลยฉันอยากยืนตรงนี้กลับเขาตลอดไปไม่อยากให้เวลาเดินต่อไปอยากจะแช่แข็งเวลาไว้ ณ ที่นี้ ตรงนี้กลับเขาแค่สองคนเท่านั้น  เมื่อดอกไม้ไฟหมดแล้วก็ถือว่าจบงานเทศกาลแล้ว

      “ยูโตะ ฉันหานายไม่เจอเลย”คาซึกิที่วิ่งเข้ามาพูดขึ้น “อ้าวไอริสะเธอก็มาเหรอ”คาซึกิพูดกับฉัน

      “อืม ใช่แต่ฉันจะกลับแล้วล่ะ ไปนะ”ฉันขอตัวออกมาก่อน แต่ยูโตะก็เรียกไว้ ฉันหันหน้าไปหาเขาช้าๆ

      “มะรืนนี้น่ะ ฉันจะย้ายไปโตเกียวนะ”เขาพูดหน้านิ่ง “ยังไงก็ขอลาเธอเลยแล้วกัน”แล้วเขาก็หันหลังเดินกลับไป ทิ้งฉันให้ยืนอยู่กับความเจ็บปวดที่เขาเองเป็นคนเพิ่มพูนให้ฉันไม่รู้จักจบจักสิ้น
      หลังจากกลับมาจากงานเทศกาล ฉันก็เอาแต่รองไห้ จนถึงวันนี้ วันที่เขากำลังจะไปฉันจะทำยังไงดี เขากำลังจะไปในที่ๆฉันเคยจากมา เมืองโตเกียว แล้วฉันควรจะทำยังไงดี
      ก๊อกๆๆๆ

      “ริสะนี่แม่นะลูก แม่เข้าไปได้ไหม”ฉันรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินไปเปิดประตูให้แม่เข้ามา เมื่อแม่เข้ามาในห้องของฉัน แม่ก็สวมกอดฉันจนแน่น นั้นทำให้น้ำตาที่เพิ่งเช็ดไปแล้วไหลลงอีกครั้ง ฉันกอดแม่ตอบ

      “เขากำลังจะไปแล้วค่ะแม่”ฉันสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของแม่ “เขาบอกว่าวันนี้จะไปแล้ว” แม่พละฉันออกจากอ้อมกอดแล้วจับไหล่ฉัน

      “ที่เขาบอกว่าอย่างงั้น เขาอาจอยากจะบอกลึกๆว่าไปส่งฉันนะ รึเปล่าล่ะ”คำพูดของแม่ทำให้ฉันมองหน้าแม่อย่างสงสัย

      “ลูกไม่คิดจะไปส่งเขาเหรอ อย่างน้อยก็จะได้จดจำใบหน้าของเขาเอาไว้ในใจ มัวแต่มาร้องไห้อย่างนี้จะได้อะไรขึ้นมาล่ะ”
      ฉันยิ้มให้แม่ก่อนจะรีบคว้าเสื้อคลุมแล้ววิ่งออกจากบ้านไป ขอให้ยังทันเถอะนะ
      ฉันวิ่งมาที่สถานีรถไฟ แล้วก็เห็นยูโตะขึ้นรถไฟไปแล้วขบวนรถไฟที่เขาขึ้นค่อยเคลื่อนตัวออกจากชานชลา คาซึกิยืนโบกมือให้เขา  ไม่ทันแน่ๆเลย แนเปลี่ยนทิศทางการวิ่งไปทางถนนที่มีรางรถไฟผ่าน แล้วก็เห็นรถไฟขบวนนั้นกำลังผ่านพอดีฉันวิ่งไปถึงเมื่อ โบกี้สุดท้ายผ่านไป ฉันมองตามรถไฟไปก็เห็นยูโตะมองฉันอยู่

      “โชคดีนะยูโตะ!!!”ฉันตะโกนสุดสียงไม่ว่าเขาจะได้ยินรึไม่ได้ยินก็ตาม ถึงนายจะไปแล้วแต่หัวใจของฉันก็จะมีแต่นายคนเดียว ฉันจะหยุดเวลาหัวใจของฉันเพื่อรอวันที่ฉันได้พบนายอีกครั้งเมื่อถึงวันนั้น ฉันจะบอกนายเอง ว่าฉันรักนายนะ มิคิซาวะ ยูโตะ

      **เทศกาลตอนปลายเดือนสิงหาคมคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
      ต่างก็สวมยูกะตะ ใส่รองเท้าไม้ส่งเสียงก๊อกแก๊ก
      ในตอนที่เราสองคนแหงนหน้าขึ้นมองดอกไม้ไฟที่ระเบิดขึ้นมาอย่างกระทันหัน
      ใบหน้าของเธอที่อยู่ในภวังค์นั้นค่อยๆดึงดูดสายตาของฉันไป
      ฉันอยากจะทำใจให้เกลียดเธอ
      วันอย่างนี้ทำให้ความทรงจำมันย้อนกลับขึ้นมา
      ความรู้สึกยินดีแบบนั้น คงไม่มีโอกาสได้พบอีกแล้ว
      คิดถึง คิดถึง จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดถึง ฤดูร้อนวันนั้นที่ได้พบเธอ
      พวกเรานั่งพักเหนื่อยอยู่ตรงข้างทาง
      ดอกไม้ไฟลูกใหญ่เบ่งบานอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี
      อีกไม่นานคิมหันต์ก็จะจบลง พร้อมกับกลิ่นไอของความเจ็บปวด
      หัวใจที่กลับด้านของฉันเต้นไม่เป็นส่ำ
      พยายามจะลืมเรื่องราวของเธอให้หมดสิ้น ลืมความโศกเศร้าพวกนี้ไป
      ฉันจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อทุกครั้งที่หลับตาลง ก็เหมือนกับว่าเธอยังคงอยู่ตรงนั้น
      ลมหายใจที่อ่อนหวาน
      ร่างกายที่ร้อนผ่าวขึ้นมา ฉันรักเธอเข้าแล้ว
      กว่าฉันจะรู้ตัวเธอก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
      แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังพยายามที่จะตามหาเธออยู่
      เงยหน้าขึ้นมามองดอกไม้ไฟเพียงลำพัง
      เหมือนมีเข็มแทงลงไปในหัวใจ
      ในไม่ช้าฤดูก็จะผันไป
      ดอกไม้ไฟที่ได้ดูกับเธอ
      จนตอนนี้ก็ยังคิดถึงฤดูร้อนวันนั้น

      เสียงเพลงที่ฉันมักจะฟังเสมอดังคลอเบาๆ เพลงนี้ทำให้ฉันมักจะคิดถึงเขาเสมอ นี่ก็ผ่านมา2ปีแล้ว หลังจากวันนั้นประมาณ1เดือนครอบครัวของฉันก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่โตเกียวอีกครั้ง ฉันมีเพื่อนเหมือนคนอื่นๆแล้ว เป็นเพราะเขาที่ทำให้ฉันยิ้มเป็น ทุกวันนี้ฉันก็หวังว่าจะได้เจอเขาบ้างๆ แต่เมื่อผิดหวังฉันก็จะคอยบอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้สักวันฉันต้องเจอกับยูโตะอีกแน่ๆ

      ‘ในวันที่ 24 จะมีฝนดาวตกเกิดขึ้นในช่วงเวลา 4ทุ่ม’ เสียงข่าวในทีวีทำให้ฉันที่อยู่ในครัววิ่งออกมาฟังให้ชัดเจน วันที่24 เวลา4ทุ่มงั้นเหรอ เป็นเวลาเดียวกับที่ฉันและเขาได้ดูฝนดาวตกด้วยกันเลย ที่ภูเขาลูกนั้น เมื่อคิดถึงเรื่องราวในวันวานทำให้ฉันยิ้มออกมาพร้อมน้ำตา เหลือเวลาอีกแค่ สองวัน ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไปที่นั้นอีกครั้ง

      ฉันลาพ่อและแม่แล้วเดินทางมาที่ชนบทที่เดิม ที่ๆฉันได้รู้จักกับคำว่ารัก ตอนนี้เป็นเวลา3ทุ่ม55นาที ฉันเดินขึ้นเขาลูกเดิมอากาศหนาวทำให้ฉันต้องกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นฉันไม่ได้หวังหรอกกว่าจะได้เจอยูโตะอีกครั้ง แค่ฉันได้มาที่นี่อีกครั้งฉันก็มีความสุขแล้ว ดาวตกมากมายเริ่มพากันพุ่งผ่านท้องฟ้าที่มืดสนิท ฉันมองมันอย่างชื่นชมและหวนคิดถึงวันวาน ตอนนั้นเขาพูดกับว่าอะไรนะ อ๋อ ใช่เขาพูดว่า

      “นี่เธอไม่คิดจะอธิฐานหน่อยเหรอ” เสียงที่คุ้นเคย เสียงที่ฉันคิดถึงมาตลอด  ฉันหันไปทางต้นเสียงแล้วก็พบกับเขา ฉันอึ้งไป ยูโตะค่อยๆเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างๆฉัน
      ฉันมองเขาไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตาเพราะกลัวว่าถ้าฉันกระพริบตาแล้วเขาจะหาไป

      “ถ้าเธอไม่อธิฐาน งั้นฉันอธิฐานแล้วนะ”ยูโตะพูดแล้วหลับตา ฉันแค่นหัวเราะทั้งน้ำตา บ้าจังฉันดีใจมากเลยนะ แล้วยูโตะก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมามองหน้าฉัน

      “เอ้านั้น ฝุ่นเข้าตาเธอเหรอไงน่ะ”เขาถามแล้วเอานิ้วเช็ดน้ำตาของฉันออก “รู้
      ไหมว่าฉันขอกับดาวตกว่าอะไร”เขาถามแล้วทำหน้านิ่ง เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ  แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะถามเขาก็พูดขึ้นมา“ฉันอธิฐานว่าขอให้ฉันมีความกล้าพอที่จะพูดคำว่ารักกับเธอ” จบคำพูดของเขาน้ำตาฉันก็ไหลออกมาอีก “ฉันรักเธอนะ ริสะ”

      “ฮึกๆๆ ฮือ”ฉันพูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้แล้วกอดเขาเอาไว้แน่น “ฉันก็รักนายมากเลยนะ ตลอด2ปีนี้ฉันคิดถึงนายมาตลอดเลย เฝ้าฟังเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับนายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฝ้ามองหานายมาตลอด”

      “ฮ่าๆเหรอ ดูเหมือนพรที่ขอกับดาวตกไว้เมื่อ2ปี่ที่แล้วจะได้ผลแหะ” ประโยดที่เขาพูดทำให้ฉันฉันพละออกจากอกเขาแล้วมองเขาอย่างงงๆ

      “นายขอว่าอะไร”

      “ฉันขอว่า ให้เป็นฉันที่ได้ดูแลเธอไปตลอดชีวิต” เมือ่เขาพูดจบฉันก้ยิ้มแล้วพูดต่อ

      “ฉันก็ขอไว้เหมือนกัน หลังจากนายเดินลงไปจากเขาแล้วน่ะ”

      “ตอนนั้นดาวตกมันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

      “ก็ตอนนายลงไปแล้ว ฉันหันไปมองท้องฟ้าอีกครั้งแล้งก็เห็นดาวตกอีกดวงผ่านมาเลยขอพรไปน่ะ”

      “แล้ว เธอขอว่าอะไรล่ะ”ยูโตะยิ้มแล้วเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากฉัน

      “ฉันขอว่า ให้ฉันรักนายตลอดไป” เมื่อจบคำพูดของฉัน ริมฝีปากของเราทั้งสองก็สัมผัสกันอย่างอ่อนโยนภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับของฝนดาวตก


       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×